โจทย์ ในปีภาษี 2552 นายดำสามีรับราชการมีเงินเดือนตลอดทั้งปี 700,000 บาท และนางแดงภริยามีเงินได้จากค่านายหน้าจำนวน 300,000 บาท เด็กหญิงส้ม อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายดำและนายแดงได้เข้าแข่งขันเกมส์โชว์ทางโทรทัศน์รายการหนึ่งได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท จงวินิจฉัยว่า นายดำ นางแดง และเด็กหญิงส้มมีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรประเภทใด ถ้านายดำและนางแดงได้อยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีจะมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีในเงินได้ของบิดามารดาและบุตรอย่างไร
วางหลักกฎหมาย
ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 วางหลักว่า “เงินได้พึงประเมินนั้น คือ เงินได้ประเภทดังต่อไปนี้รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่างๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
(1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
(2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยชุมนุม บำเหน็จโบนัส เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ และเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว
(8) เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว”
ประมวลรัษฎากร มาตรา 56 วรรคแรก วางหลักว่า “ให้บุคคลทุกคนเว้นแต่ผู้เยาว์ หรือผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้วพร้อมทั้งข้อความอื่นๆ ภายในเดือนมีนาคมทุกๆ ปี ตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ถ้าบุคคลนั้น
(1) ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 30,000 บาท
(2) ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเฉพาะตามมาตรา 40(1) ประเภทเดียวเกิน 50,000 บาท
(3) มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 60,000 บาท หรือ
(4) มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเฉพาะตามมาตรา 40(1) ประเภทเดียวเกิน 100,000 บาท”
ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 วรรคแรก วางหลักว่า “ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 56 วรรค 1 เป็นผู้เยาว์ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถหรือเป็นผู้อยู่ในต่างประเทศ ให้เป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินนั้น แล้วแต่กรณีต้องปฏิบัติตามมาตรา 56 วรรค 1 และเป็นตัวแทนในการชำระภาษี”
ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี วรรคแรก วางหลักว่า “ในการเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยานั้น ถ้าสามีและภริยาอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษี แต่ถ้าภาษีค้างชำระและริยาได้รับแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันแล้ว ให้ภริยาร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระนั้นด้วย”
วินิจฉัย
จากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง พิจารณาดังนี้ การที่ในปีภาษี 2552 นายดำสามีรับราชการมีเงินเดือนตลอดทั้งปี 700,000 บาท และนางแดงภริยามีเงินได้จากค่านายหน้าจำนวน 300,000 บาท เด็กหญิงส้ม อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายดำและนางแดงได้เข้าแข่งขันเกมส์โชว์ทางโทรทัศน์รายการหนึ่งได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท ดังนี้ ถือว่าในปีภาษี 2552 นายดำมีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร นางแดงมีเงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วน ด.ญ. ส้มมีเงินได้พึงประเมินจากการแข่งขันเกมส์โชว์ตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร
โดยในการยื่นแบบแสดงรายการประจำปีภาษี 2552 เมื่อความเป็นสามีและภริยามีอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว กฎหมายให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษี นายดำสามีจึงเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีทั้งเงินได้พึงประเมินของตนเองและภริยาตามมาตรา 57 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
ส่วนเด็กหญิงส้มนั้น เมื่อยังเป็นผู้เยาว์ จึงเป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีแทน ตามมาตรา 56 วรรคแรกและมาตรา 57 แห่งประมวลรัษฎากรประกอบมาตรา 56 ทวิ
สรุป ด้วยเหตุผลดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายดำมีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40(1) นางแดงมีเงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) ส่วน ด.ญ.ส้มมีเงินได้พึงประเมินจากการแข่งขันเกมส์โชว์ตามมาตรา 40(8) และในการยื่นแบบแสดงรายการประจำปีภาษี นายดำสามีเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีทั้งเงินได้พึงประเมินของตนเองและภริยา ส่วนเด็กหญิงส้มให้ผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้มีหน้ายื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น