วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประมวลรัษฎากรมาตรา 40, 56 วรรคแรก, 57 วรรคแรก, 57 ตรีวรรคแรก

ประมวลรัษฎากรมาตรา 40, 56 วรรคแรก, 57 วรรคแรก, 57 ตรีวรรคแรก

โจทย์ ในปีภาษี 2552 นายดำสามีรับราชการมีเงินเดือนตลอดทั้งปี 700,000 บาท และนางแดงภริยามีเงินได้จากค่านายหน้าจำนวน 300,000 บาท เด็กหญิงส้ม อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายดำและนายแดงได้เข้าแข่งขันเกมส์โชว์ทางโทรทัศน์รายการหนึ่งได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท จงวินิจฉัยว่า นายดำ นางแดง และเด็กหญิงส้มมีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรประเภทใด ถ้านายดำและนางแดงได้อยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีจะมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีในเงินได้ของบิดามารดาและบุตรอย่างไร
วางหลักกฎหมาย
        ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 วางหลักว่า “เงินได้พึงประเมินนั้น คือ เงินได้ประเภทดังต่อไปนี้รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่างๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
        (1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
        (2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยชุมนุม บำเหน็จโบนัส เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ และเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว
        (8) เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว”
        ประมวลรัษฎากร มาตรา 56 วรรคแรก วางหลักว่า “ให้บุคคลทุกคนเว้นแต่ผู้เยาว์ หรือผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้วพร้อมทั้งข้อความอื่นๆ ภายในเดือนมีนาคมทุกๆ ปี ตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ถ้าบุคคลนั้น
        (1) ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 30,000 บาท
        (2) ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเฉพาะตามมาตรา 40(1) ประเภทเดียวเกิน 50,000  บาท
        (3) มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 60,000 บาท หรือ
        (4) มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเฉพาะตามมาตรา 40(1) ประเภทเดียวเกิน 100,000 บาท”
        ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 วรรคแรก วางหลักว่า “ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 56 วรรค 1 เป็นผู้เยาว์ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถหรือเป็นผู้อยู่ในต่างประเทศ ให้เป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินนั้น แล้วแต่กรณีต้องปฏิบัติตามมาตรา 56 วรรค 1 และเป็นตัวแทนในการชำระภาษี”
        ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี วรรคแรก วางหลักว่า “ในการเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยานั้น ถ้าสามีและภริยาอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษี แต่ถ้าภาษีค้างชำระและริยาได้รับแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันแล้ว ให้ภริยาร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระนั้นด้วย”
วินิจฉัย
        จากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง พิจารณาดังนี้ การที่ในปีภาษี 2552 นายดำสามีรับราชการมีเงินเดือนตลอดทั้งปี 700,000 บาท และนางแดงภริยามีเงินได้จากค่านายหน้าจำนวน 300,000 บาท เด็กหญิงส้ม อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายดำและนางแดงได้เข้าแข่งขันเกมส์โชว์ทางโทรทัศน์รายการหนึ่งได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท ดังนี้ ถือว่าในปีภาษี 2552 นายดำมีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร นางแดงมีเงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วน ด.ญ. ส้มมีเงินได้พึงประเมินจากการแข่งขันเกมส์โชว์ตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร
        โดยในการยื่นแบบแสดงรายการประจำปีภาษี 2552 เมื่อความเป็นสามีและภริยามีอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว กฎหมายให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษี นายดำสามีจึงเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีทั้งเงินได้พึงประเมินของตนเองและภริยาตามมาตรา 57 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
        ส่วนเด็กหญิงส้มนั้น เมื่อยังเป็นผู้เยาว์ จึงเป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีแทน ตามมาตรา 56 วรรคแรกและมาตรา 57 แห่งประมวลรัษฎากรประกอบมาตรา 56 ทวิ
       สรุป ด้วยเหตุผลดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายดำมีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40(1) นางแดงมีเงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) ส่วน ด.ญ.ส้มมีเงินได้พึงประเมินจากการแข่งขันเกมส์โชว์ตามมาตรา 40(8) และในการยื่นแบบแสดงรายการประจำปีภาษี นายดำสามีเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีทั้งเงินได้พึงประเมินของตนเองและภริยา ส่วนเด็กหญิงส้มให้ผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้มีหน้ายื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น