โจทย์ นายทวีได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินโดยรัฐจัดที่ดินแปลงเล็กแปลงน้อยให้แก่ประชาชน ทางราชการออกใบจองให้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2542 ต่อมาใน พ.ศ. 2547 นายทวีได้ยกที่ดินแปลงนั้นตีใช้หนี้ให้แก่นายอาทิตย์โดยมอบใบจองและที่ดินให้นายอาทิตย์ครอบครอง ใน พ.ศ. 2550 นายอาทิตย์ได้รับโฉนดที่ดินจากราชการ ขณะนี้นายอาทิตย์ต้องการจะโอนที่ดินแปลงนั้นให้แก่นายศุกร์บุตรชาย ดังนี้ อยากทราบว่านายอาทิตย์จะโอนที่ดินในกรณีดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
วางหลักกฎหมาย
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง วางหลักว่า “ที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้จับจองแต่ยังไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนไปไม่ได้ เว้นแต่จะตกทอดทางมรดก”
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วางหลักว่า “เมื่อได้สำรวจรังวัดทำแผนที่หรือพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 58 แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วแต่กรณีให้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในวรรคสอง เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่บุคคลนั้นครอบครองเป็นที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามประมวลกฎหมายนี้
บุคคลซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามวรรคหนึ่งให้ได้ คือ
1) ผู้ซึ่งมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” หรือเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
2) ผู้ซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 ตรี
3) ผู้ซึ่งครอบครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดิน ภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับ และไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ำหรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้ซึ่งมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดินตามวรรคสอง (1) ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมาจากบุคคลดังกล่าวด้วย
สำหรับบุคคลตามวรรคสอง (2) และ (3) ให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แล้วแต่กรณี ได้ไม่เกินห้าสิบไร่ ถ้าเกินห้าสิบไร่ จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
ภายในสิบปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้บุคคลตามวรรคสอง (3) ผู้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดก หรือโอนให้แก่ทบวงการเมือง องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติ หรือโอนให้แก่สหกรณ์เพื่อชำระหนี้โดยได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนสหกรณ์
ภายในกำหนดระยะเวลาห้ามโอนตามวรรคห้า ที่ดินนั้นไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดี
วินิจฉัย
กรณีตามปัญหา การที่นายทวีได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินโดยรัฐจัดที่ดินแปลงเล็กแปลงน้อยให้แก่ประชาชน โดยทางราชการออกใบจองให้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2542 นั้น ถือว่านายทวีเป็นผู้ครอบครองที่ดินที่มีใบจอง แต่เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวยังไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว นายทวีจึงจะโอนให้ใครไม่ได้ เว้นแต่จะตกทอดทางมรดก ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง
ดังนั้น เมื่อต่อมาใน พ.ศ. 2547 นายทวีได้ยกที่ดินแปลงนั้นตีใช้หนี้ให้แก่นายอาทิตย์ โดยมอบใบจองที่ดินและที่ดินให้นายอาทิตย์ครอบครอง ก็ไม่ทำให้นายอาทิตย์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินต้องเป็นผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินโดยมีหนังสือ แสดงสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่การยกที่ดินตีใช้หนี้โดยการส่งมอบการครอบครองให้แก่กันนั้น มีผลทำให้นายอาทิตย์เป็นผู้ครอบครองที่ดินโดยพลการ ภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับเพราะฉะนั้นการที่นายอาทิตย์ได้รับโฉนดที่ดินจากทางราชการใน พ.ศ. 2550 นั้น จึงเป็นกรณีที่นายอาทิตย์ได้รับโฉนดที่ดินจากเป็นผู้ครอบครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3)
เมื่อนายอาทิตย์ได้รับโฉนดที่ดินมาตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) นายอาทิตย์จึงตกอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 58 ทวิ วรรคห้า กล่าวคือ ภายในสิบปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินนายอาทิตย์จะโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่นไม่ได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกหรือโอนให้แก่ทบวงการเมือง องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือโอนให้แก่สหกรณ์เพื่อชำระหนี้โดยได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนสหกรณ์
ดังนั้น หากขณะนี้นายอาทิตย์จะโอนที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่นายศุกร์บุตรชาย นายอาทิตย์จึงไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการโอนภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคห้า และการโอนในกรณีนี้ก็ไม่ใช่การตกทอดทางมรดก
สรุป นายอาทิตย์จะโอนที่ดินดังกล่าวไม่ได้ เพราะการที่นายอาทิตย์ได้รับโฉนดที่ดิน เมื่อ พ.ศ. 2550 เป็นการได้รับตามประมวลที่ดินมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) จึงถูกห้ามโอนมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 58 ทวิวรรคห้าและการโอนในกรณีก็ไม่ใช่การตกทอดทางมรดก